วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

ลอยก่อ, รัฐคะยา, เมียนมาร์ (ตอนที่ 2) CBT Development in Htaneelaleh

Hta Nee La Leh

หลังเสร็จกิจที่ลอยก่อ ก็มุ่งหน้าต่อไปสำหรับประสบการณ์ใหม่ ในการพัฒนางานการท่องเที่ยวโดยชุมชน ในพื้นที่ต่างประเทศนอกเหนือจากประเทศไทย รอบนี้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาคสนามของ ITC International Trade Commission ที่เป็นองค์กรหนึ่งภายใต้ร่มของ UN ซึ่งมีคุณลุง Pascal Koo เป็นเชื้อสายชาวคะยัน เคยอพยพย้ายถิ่นจากภาวะการเมืองในประเทศเมียนมาร์ มาช่วยเป็นล่ามภาษาพม่าให้ กับน้อง Winnie จริงๆ แล้วทั้งคู่พบกับกระผม เมื่อตอนพี่หน่อยพาชาวบ้านจากรัฐคะยาไปศึกษาดูงานที่แม่ฮ่องสอน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

เด็กๆไปหิ้วน้ำ
ส่วนใหญ่บ้านตามชุมชนจะเป็นน้ำบ่อ
บ้านชาวคะยาส่วนใหญ่เป็นบ้านสองชั้น หลังนี้เป็นบ้านที่ทีมพี่เลี้ยงพัก
ด้านนอกห้องครัว มีช่องระบายควันจากการประกอบอาหาร
น้ำบ่อต้องมีกันทุกบ้าน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้
ห้องส้วมแยกออกมา ฐานเป็นแบบส้วมทำจากพลาสติค (ต้องหิ้วน้ำมาเตรียมไว้)

ครั้งนี้ได้บทเรียนใหม่ๆในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสื่อสาร การปรับตัว ปรับใจ การปรับสภาพให้สอดคล้องไปกับวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจริงๆอาจจะไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่นัก แต่ที่แน่นอนคือวิถีชีวิตประจำวันปรกติของเราเอง ที่ต้องปรับเปลี่ยนไปฮาๆๆๆ เช่น งดอาบน้ำบ้างอะไรบ้าง ห้องน้ำแบบนั่งยองที่แคบและเล็ก การใช้น้ำอย่างประหยัด (ที่นี่ใช้น้ำบ่อที่ขุดเอง) ต้องเรียนรู้เทคนิคการตักน้ำกันหน่อย การใช้ภาษาใบ้ ภาษากาย ภาษาถิ่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาปกาเกอญอ และรอยยิ้มที่ทำให้การสื่อสารนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา ทำให้มีสีสันต์ในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกมากมายสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ


ภายในห้องครัว
แม่บ้านกำลังกลั่นน้ำภูมิปัญญา
บางหลังก็ยังคงสภาพบ้านแบบดั้งเดิม
ทีมพี่เลี้ยง ผู้ประกอบการ นักศึกษาฝึกงาน พร้อมหน้า พร้อมตา
สำรับต้อนรับแขกผู้มาเยือน
ขณะประกอบพิธีเลี้ยงผี
นำผีมาไว้ตามที่ผีต้องการอยู่
ขณะกำลังประกอบพิธีเสี่ยงทายกับผี
ศาลผีเดิม
เสา Totems

พื้นที่ บ้านธานีลาเล Hta Nee La Leh ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองลอยก่อ ระยะทางประมาณ 20 กม. ส่วนใหญ่เป็นที่ราบเชิงเขา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 900 เมตร อากาศค่อนข้างดีไม่หนาว และร้อนจนเกินไป และมีแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ขึ้นชื่อคือ 7 Lakes (ความจริงอาจจะไม่ใช่เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่มากนัก) บ้านธานีลาเลถือว่าเป็นชุมชนชาวคะยันดั้งเดิม และยังคงวิถีชีวิตที่งดงาม รวมถึงวัฒนธรรมประเพณีของชาวคะยันแบบดั้งเดิมจริงๆ รวมถึงความเชื่อต่างๆ ณ วันที่เข้ามาถือเป็นช่วงของงานประเพณี “ดีกู่” หรือประเพณีเลี้ยงผี และทำข้าวต้มมัด ช่วงนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะหยุดประกอบอาชีพการงานทั้งหมด มีแต่เพียงงานเลี้ยงผี และรื่นเริงทำบุญเท่านั้น งานเข้าหล่ะสิครับพี่หน่อย ปกติก็ว่าทำงานยากอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งยากกว่า แต่ก็คงไม่ยากเกินฝีมือแน่นอน...ถือว่าช่วงนี้ได้เก็บข้อมูลทางประเพณีวัฒนธรรมเพิ่มเติม วันแรกของผมเลยได้ร่วมพิธีกรรมเลี้ยงผีไปด้วยเป็นของแถม! การต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองช่วงนี้ มีสำรับประกอบไปด้วย ชุดหมาก ไวน์คะยา หวานๆหอมๆทำจากข้าวเหนียว และ “ดีกู่” ข้าวต้มมัด ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม ถั่วลิสงต้ม เพลินเลย... ปิดท้ายค่ำคืนนี้ด้วยการฉายหนังโดยลุง Pascal


เตรียมไม้สำหรับเสียบเนื้อไก่ และผัก
เนื้อไก่ผ่านการหมัก และผ่านกระบวนการถนอมอาหารมาแล้วหนึ่งคืน
เสียบได้
แบบฝึกหัดแรกสำเร็จ Kayah BBQ
ทีม BBQ Cooking
ฮาาาทีมนักดนตรี มาก่อนัดพร้อมนำเสนอ

รุ่งขึ้น วันนี้เป็นการทำ training เกี่ยวกับเรื่องของการสื่อความหมาย ดนตรีพื้นบ้าน และการทำอาหารคะยัน BBQ เพื่อใช้สำหรับในการให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัสกิจกรรมท่องเที่ยวที่บ้านธานีลาเล รวมถึงเตรียมความพร้อมของเกวียนที่จะใช้บริการอีกด้วย (พี่หน่อยทดลองแล้วโอเคนิดหน่อยฮาๆๆ) ต้องปรับปรุงที่นั่งนิดนึง เพื่อสะดวกในการให้บริการ ลืมบอกที่นี่ยานพาหนะส่วนใหญ่ยังคงใช้เกวียนเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง และขนพืชผลทางการเกษตร และสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัว สำหรับเทียมเกวียน หมู และไก่สำหรับบริโภค ผักส่วนใหญ่ก็ปลูกเอง เช่น ฟักทอง แตง ถั่ว พริก แก้วมังกร มะละกอ


ฝึกการสื่อความหมาย ลุงคีเล ทำหน้าที่
ที่ประกอบพิธีทางความเชื่อ ศาลผีใหม่ตั้งอยู่ด้านหลัง
หนึ่งในทะเลสาปของ 7-Lakes

ช่วงเช้ามาตามนัด ลุงคีเล (ส่วนใหญ่ชื่อผู้ชายจะลงท้ายด้วยเล เหมือนคำสรรพนาม) ทำหน้าที่ฝึกเป็นนักสื่อความหมาย ตัวจริงเสียงจริงไม่มาฮาๆๆ “ซอเล” หายไปกับ “ดีกู่” ไม่เป็นไร the show must go on เช้านี้ลุงคีเล นำชมสถานที่สำคัญๆรอบหมู่บ้าน และดูสถานที่เพื่อต้อนรับคณะ Steering Committee ที่จะเข้ามาติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการ เริ่มจากสถานที่สำคัญ สถานที่สำหรับเลี้ยงผี และที่ประกอบพิธี รวมถึงสถานที่ตั้งของต้นที หรือ Totem (แห่งใหม่) จากนั้นเรียนรู้เรื่องของ Bird Hunting Shrine หรือที่สำหรับประกอบพิธีกรรมก่อนประเพณีการล่านก ที่จะมีทุกปีช่วงเดือนธันวาคม และต่อไปถึงเส้นทางที่จะไป 7 Lakes รวมถึงเช็คข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับครัวเรือนของชุมชนด้วย

ช่วงสายๆตามแผนคือเตรียมฝึกการประกอบอาหารแบบ BBQ แต่แล้วก็มีกลุ่มนักดนตรีพื้นบ้านมารอกันเป็นที่เรียบร้อยฮา... ไม่เป็นไรสลับตารางได้นิดหน่อยคุยกันไปแสดงกันไปจนประมาณ 11.30น. น่าจะเป็นเวลามงคลฤกษ์เข้าสู่การฝึกหัดการทำอาหารได้ พอดีรอทีมจาก 9 Generation มาสมทบและมาเรียนรู้ร่วมกัน ของมาอุปกรณ์มาก็เริ่มกันได้ ชุลมุนวุ่นหัวกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เมนู Kayah BBQ มากันหลายอย่าง เช่น ไก่ย่างแบบคะยาสไตล์ ปลาเผา ซอสถั่วดิน น้ำพริก น้ำซด ยำใบบัวบก เป็นต้น เก็บภาพพอเป็นพิธีจากนั้นลงมือลิ้มรสได้


เตรียมความพร้อมของกลุ่มเกวียน
พี่หน่อยว่ารับน้ำหนักพี่ไหวมั๊ย ฮาาา
น้ำภูมิปัญญา ทำกันทุกบ้าน
เก็บข้อมูลจากผู้รู้ด้านดนตรีท้องถิ่น

ช่วงบ่ายมาต่อกันที่การเดินสำรวจบ้าน และเตรียมความพร้อมของกลุ่มเกวียน เพื่อสำหรับต้อนรับคณะที่จะมา เช็คสั่งเสีย สั่งงานกันเรียบร้อยเป็นที่เข้าใจ ก็เดินต่อกันไปเรื่อยๆสำรวจบ้านผู้รู้ด้านดนตรีบ้างไรบ้าง และปิดสุดท้ายมานั่งหย่อนก้นกันที่ร้านค้าใกล้บ้านพัก พ่อหนุ่ม “ซอเล” มาพอดีเลยโดนกระหน่ำไปหนึ่งรอบข้อหายหัวตัว...เหตุคือเมาจากงานดีกู่ ลุกไม่ไหวจ้า... เลี้ยงน้ำเลี้ยงท่ากันเรียบร้อยแยกย้ายและก็นัดแนะกันอีกทีสำหรับวันถัดไปที่จะไปประกอบอาหาร BBQ ณ สถานที่จริงริมทะเลสาบ...

ภาคค่ำมีหารือกันต่อนิดหน่อยเรื่องค่าบริการต่างๆ เพื่อให้ได้รับความเห็นชอบจากทางชุมชน... ค่อนดึกมีเสียงอึกกะทึกครึกโครม เสียงกลอง ฉาบดังมาแต่ไกล ทุบประตูบ้าน แน่เลยผีมาบ้านฮา... ตื่นเต้นเร้าใจกับพิธีกรรมนี้ ผีมาขอทำบุญรับบริจาคเงิน แถมเต้นหลอกหลอน โดยคนเป็นผีจะทำหน้ากากมาสวมใส่ คล้ายๆกับผีตาโขนแต่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก... สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจพอให้หลับฝันดีจ้า


ตลาดนัดเดโมโซ
แผงนี้ขายของเผ็ดร้อน
ส่วนใหญ่มาจับจ่ายซื้อของสด ของแห้ง
กะเทียม หอม ขิง
ข้าวกั้นจิ้น

แผงนี้ขาย คะยาเปปเปอร์
หมูสดๆรองด้วยใบตองตึง
ของหวานขนมต่างๆ

เช้าถัดมา...ออกพากันไปช็อปปิ้งเตรียมของที่ตลาดนัด เดโมโซ ซึ่งมีทุกวันจันทร์ พุธ และก็เสาร์ ทีมแม่บ้านก็ไปหาซื้อวัตถุดิบ ส่วนทีมพี่เลี้ยงก็ไปทอดน่องหาของกินยามเช้า เสร็จสรรพพร้อมกันอีกทีประมาณ 09.30 เดินทางกลับพร้อมเสบียง แวะที่หมู่บ้านแป๊บเพื่อเตรียมอุปกรณ์เพิ่มเติม ไม่นานนักก็ย้ายก้นกันไปที่ริมทะเลสาบ เพื่อหาทำเลเหมาะๆสำหรับต้อนรับคณะ... ระหว่างนี้พี่หน่อยปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้การทำ BBQ เลอะบ้างเปื้อนบ้างว่ากันไปตามกิจกรรม ผ่านไปราวๆ ชั่วโมงครึ่ง BBQ พร้อมเสิร์ฟ... อาวันนี้รสชาติดีกว่าเมื่อวานเยอะกลมกล่อม แถมมีเมนูเพิ่มเป็นยำแตงกวาใส่ถั่วอร่อยเหาะ... อิ่มอร่อยกันถ้วนหน้านัดแนะเรียบร้อย พอดีมีหนูทดลองก็เลยใช้โอกาสนี้ ทดสอบอีกครั้งเพื่อทดลองกับนักท่องเที่ยว (เพื่อนพี่หน่อย) ที่จะมาในวันอาทิตย์ ซึ่งจะมาทดสอบกิจกรรม...


บรรยากาศริมทะเลสาปสำหรับทำ BBQ
พี่หน่อยแปลงร่างเป็นนักท่องเที่ยว
ทดลองเรียนรู้การทำอาหาร
ลุงคีเลโชว์ฝีมือเสียบ BBQ
พร้อมเสิร์ฟ
จัดแบบเต็มเซ็ททีเดียว
ทีมพร้อม BBQ พร้อม ทะเลสาปพร้อม

วันอาทิตย์บ่าย... เซอร์ไพร์ส! ปรากฏว่าชาวบ้านหายหมดฮา... งานเข้าหล่ะสิกลายเป็นว่า เข้าใจผิดเรื่องเวลากันนึกว่ามาเช้ารอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ ไม่เห็นใครเลยแยกกันไปทำภารกิจของใครของมัน แต่ไม่เป็นไรงานสไตล์ CBT ต้องมีตื่นเต้นบ้าง เลยพลิกแผน B เปลี่ยนเป็นเดินชมหมู่บ้านให้บริการข้อมูลโดยลุง Pascal เช่นเคย จากนั้นต่อด้วยกิจกรรมขี่เกวียนชมทุ่ง และสิ้นสุดที่ริมทะเลสาบ ไม่มี BBQ ไม่เป็นไร ปิดท้ายด้วยส้มตำ ยำแตงกวา และถั่วต้ม :-)
ขณะที่เขียน Blog นี้ 29 Sept 2015 เป็นเวลาที่พี่หน่อยและทีมพี่เลี้ยงกำลังพาคณะ Steering Committee ลงพื้นที่ทำกิจกรรม จะหมู่หรือจ่าไม่รู้ติดตามดูกันต่อไปจ้า...


สุดท้ายยังไงก็ได้ขี่เกวียนจ้า

ลอยก่อ, รัฐคะยา, เมียนมาร์ (ตอนที่ 1)

บริเวณร้านลวง ริมทาง
"ลอยก่อ" เมืองหลวงของรัฐคะยา หนึ่งในหลายๆรัฐของประเทศเมียนมาร์ คือตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะมาเยือนสักครั้ง เผอิญได้โอกาสพี่หน่อยพจนา "อดีต ผอ.สถาบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน" ชวนมาร่วมเที่ยวร่วมทำงานด้วยเลยได้โอกาส หนีงานมาอยู่ประมาณ 10 วัน ครับฮาาาเพลินเลย

แต่จริงๆที่ตั้งใจมาคืออยากมาสัมผัสกระบวนการ และวิธีการพัฒนา การท่องเที่ยวโดยชุมชน ในประเทศเพื่อนบ้านบ้าง แถมด้วยเก็บข้อมูลเมืองลอยก่อ ที่ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน พูดถึงกันนักกันหนาว่าจะเชื่อมช่องผ่านแดน BP13 เพื่อเพิ่มการค้าการลงทุนระหว่าง 2 เมือง 2 ประเทศ ไปมาหาสู่กันก็หลายรอบแต่...อิๆยังไม่รู้ว่ายังไงต่อ เลยมาสัมผัสเองซะเลยดีกว่า

- สภาพตัวเมืองลอยก่อทั่วไป -

วิถีชีวิตริมแม่น้ำ
ชุมชนส่วนใหญ่ยังใช้น้ำจากแม่น้ำเพื่อการซักล้าง
บ้างก็อาบชำระล้างร่างกาย



สภาพบ้านเมืองโดยรอบ ผังเมืองค่อนข้างจะได้รับอิทธิพล ตั้งแต่สมัยอังกฤษปกครอง โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกจัดให้เป็น Block เพื่อง่ายต่อการจัดแบ่งพื้นที่ บ้านเรือนส่วนใหญ่ก็ยังคงสภาพแบบท้องถิ่นดั้งเดิม หากเป็นอาคารร้านค้า หน้ากว้างของอาคารไม่น่าจะเกิน 3 เมตรครับ เป็นอาคารสองชั้นเป็นอาคารไม้ผสมปูน กลางเมืองลอยก่อมีแม่น้ำไหลผ่าน ซึ่งชาวลอยก่อยังใครใช้น้ำจากแม่น้ำสำหรับการชำระล้างทั้งร่างกาย และซักล้างเสื้อผ้า

คนส่วนใหญ่ค่อนข้างจะรู้จักจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นอย่างดี และก็พอจะทราบถึงเรื่องของการเชื่อมต่อผ่านแดนช่องทาง BP13 กันพอสมควร พอดีมีโอกาสเข้าไปแลกเงินที่ ธนาคาร MAB จริงๆมีหลายธนาคารอยู่ แต่บางธนาคารไม่มีบริการรับแลกเงินตราต่างประเทศครับ การบริการดีมากตั้งแต่รับลูกค้า รปภ.3 นาย วิ่งกางร่มมารับ เปิดประตู และแถมกาแฟร้อนอีกหนึ่งแก้ว...ฮาาาสบายใจ สาวๆธนาคารก็อัธยาศัยดี ภาษาอังกฤษดีด้วยคุยกันไป ระหว่างรอสัญญาณ internet ที่ทำธุรกรรมกับสาขาใหญ่เพื่อรายงานการแลกเงิน สาวเจ้าก็ใจดีใจเย็นๆนะค่ะรอระบบนิดนึง... ปรากฏว่าสาวใจก็ใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน เหมือนกันแถมมีญาติอยู่ฝั่งแม่ฮ่องสอนอีก เลยควักนามบัตรไปให้หนึ่งใบ...อัตราแลกเปลี่ยน US$ 1.00 = 1,265 จ๊าด ถือว่าใช้ได้ ออ...เทคนิคการแลกเงิน กรุณาสรรหาแบงค์ US ใหม่เท่าที่จะทำได้ ถ้าแลกมาจากเมืองไทยก็แจ้งเคาน์เตอร์แลกเงินได้เลยครับว่าของแบงค์ใหม่ๆ หากมีรอยพับหรือย่นทางแบงค์ที่นี่ไม่รับแลกครับ สะดวกสุดมากด ATM ง่ายกว่าครับ

- ร้านอาหาร -

ร้าน Sunday Club Restaurant

เมนูแบบท้องถิ่นของชาวกะยา แกงหอย
เมนูอีกอย่าง ชื่อไม่แน่ใจ แป้งข้าวจ้าวนึ่งกับหมู หรือไก่ ประมาณนี้แหละครับ
อันนี้เป็นส้มตำแบบพม่า อร่อยใช้ได้ 
อันนี้คล้ายๆจิ้นลุงทอด
คล้ายๆข้าวส้ม แต่ไม่ใช่ ข้าวคลุกเคล้าน้ำมัน และราดด้วยเนื้อปลา
ข้าวกั้นจิ้น

ของหวานมีทั้งขนมวัง กล้วยทอด ฯลฯ
ร้านรวงข้างทางก็ยิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดีทีเดียว พอบอกมาจาก "แม่ฮ่องสอน" เหมือนจะดีใจกันใหญ่ฮาาา แสดงว่าบ้านเราดังใน ลอยก่อ พอสมควร...เดินทอดน่องไปเรื่อยชมนกชมไม้ ก็ไปลองกินอาหารหลายๆที่ ก็อร่อยแบบท้องถิ่นดีครับ Myanmar Draught Beer บอกเลยเลิศ อย่าพลาด...ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็พอจะมีเมนูภาษาอังกฤษให้ได้เลือกลุ้นกันบ้าง สนนราคาต่อคนก็ประมาณ 120-150 บาท อิ่มใช้ได้เหมือนกันครับ อีกที่แนะนำก็คือที่ Demoso เป็นอีกเมืองที่อยู่ทางใต้ของลอยก่อ จะมีตลาดนัดและก็มีโซนที่ขายอาหารท้องถิ่นอยู่ ทั้งของคาวของหวาน หน้าตาคล้ายๆของกินบ้านเราที่แม่ฮ่องสอน เดินชมสินค้า เดินช็อปของฝาก หิวก็แวะได้เลยครับ

- ที่พัก -

Min Ma Haw Hotel
ภายในห้องพัก
สำหรับโรงแรมที่พัก ก็มีอยู่ประมาณ 4-5 แห่ง แต่ราคาที่พักค่อนข้างสูงสำหรับชาวต่างประเทศ ราคาเริ่มต้นที่ $30US สำหรับพักคนเดียว หากพักสองคิดเพิ่มอีก $10US สำหรับท่านที่สามคิดเพิ่ม $15US ที่ Min Ma Haw Hotel ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ Triple แต่ราคานี้รวม light breakfast แล้ว คือขนมปังปิ้ง ไข่กวน หรือไข่เจียว กาแฟหนึ่งกา เนย แยม และผลไม้ครับ พอประทังความหิวยามเช้าได้ ส่วนใครที่คิดว่าเรื่องเยอะกับที่พักนะครับ แนะนำเลยว่าอย่ามาฮาาา...ที่ลอยก่อมีเท่าที่มีครับผม

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ จริงๆก็คงไม่พ้นวัดวาอาราม เจดีย์ที่อยู่บริเวณรอบๆเมืองลอยก่อ ที่ไปเยี่ยมเยือนมาก็จะมี 

-  เจดีย์ เมียวนัน Meaw Nan Pagodas -

เจดีย์ "เมียวนัน"
วงเวียนหอนาฬิกา
เจดีย์เมียวนัน อยู่ทางทิศเหนือของเมือง เลยจากวงเวียนหอนาฬิกาไม่มากนัก เป็นองค์เจดีย์แบบพม่า ที่มีเจดีย์องค์เล็กรายล้อมอยู่โดยรอบ ด้านทิศเหนือของเจดีย์เป็นอาคารใหญ่ สำหรับใช้สอนหนังสือ

- Broken Mountain Monastry & Reclining Buddha -

Broken Mountain Monastry

วิหารที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่

ลวดลายที่พระบาทของพระนอน

คนส่วนใหญ่ยังคงมานมัสการกันเป็นปกติ

Broken Mountain Monastry ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองริมถนนหมายเลข 5 เป็นวัดที่มีเจดีย์ตั้งอยู่บนยอดเขาหลายลูก ส่วนด้านข้างของวัดเป็นวิหารที่ประดิษฐานองค์พระนอนขนาดใหญ่ ที่ชุมชนยังคงไปสักการะทำบุญกันอยู่ตลอดเวลา

- Kayah State Cultural Museum -

อาคาร Kayah State Cultural Museum

ภายในห้องจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องดนตรี และการแสดง

ห้องจัดแสดงเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ ในรัฐคะยา

ตราช่างสมัยโบราณ

Kayah State Cultural Museum ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมือง ใช้เส้นทางไปทางสนามบินลอยก่อ พิพิธภัณฑ์เปิดทำการเวลา 10.00น และมีค่าเข้าชมครับ สำหรับชาวต่างประเทศค่าเข้าชม 2,000 จ๊าด ส่วนคนท้องถิ่น 200 จ๊าด ภายในจัดแบ่งเป็นห้องๆ จัดแสดงความเป็นมาของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ห้องจัดแสดงเกี่ยวกับ เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ วัฒนธรรมประเพณี ห้องจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องดนตรีท้องถิ่น เครื่องชาม แก้ว เครื่องเขิน อาจจะดูไม่ยิ่งใหญ่เท่าพิพิธภัณฑ์อื่นๆ แต่ก็น่าสนใจที่จะไปทำความรู้จักเบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐคะยาได้ดีครับ

- Christ The King Catherdal -

ทางเข้า Christ the King Church

บริเวณโดยรอบ




Christ the King Church เป็นโบสถ์คาทอลิค ที่ใหญ่เอาการทีเดียว ตัวโบสถ์มีแบบสถาปัตยกรรมแบบของพม่า และแบบของตะวันตก ดูสวยงามและมีอาคารที่สำหรับใช้ในการเรียนการสอน รวมถึงหอประชุมขนาดใหญ่ ด้านนอกก็จะมีสถานที่สำหรับให้ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ได้มาอธิษฐาน รวมถึงประกอบศาสนกิจได้ ซึ่งมีทั้งรูปปั้นของพระเยซู และพระแม่มารี ที่จัดไว้อย่างวสยงาม

- หนองนงญา Nong Yah Lake -

สะพานนี้ห้ามพลาด

หนุ่มสาว มาเซลฟี่กันตอนเย็นๆ

ชาวบ้านอาศัยอยู่ริมหนอง ยังคงหาปลาได้ที่นงญา

Nong Yah Lake หนองนงญา ตั้งอยู่กลางใจเมืองลอยก่อ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของหนุ่มสาว ชาวลอยก่อที่เย็นๆจะมา พบปะกันที่สะพานข้ามหนองแห่งนี้ บริเวณริมหนองยังมีบริการร้านอาหารประมาณ 4-5 ร้าน ไว้สำหรับมาเปลี่ยนบรรยากาศทานข้าวนอกบ้านกัน

- ตลาดนัดเดโมโซ -

แผงขายเนื้อหมู

แผงนนี้แม่ค้าขาย Kayah Pepper และพริกแห้งต่างๆ


สินค้าอื่นๆที่หาได้ที่ ตลาดนัดเดโมโซ

บริเวณลานจอดรถด้านนอก
ตลาดนัด Demoso ตลาดนัดเดโมโซ เปิดเฉพาะวันจันทร์ พุธ และเสาร์ เท่านั้น จะมีของท้องถิ่นหลากหลายประเภท รวมถึงพริกคะยา หรือที่เรียกว่า Kayah Pepper ที่เผ็ดร้อนหอมฉุนโดนใจมาก รวมถึงย่ามจากหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มาวางขายชาวบ้านส่วนใหญ่ยังสะพายก๋วย หรือตะกร้าสานของตนเองมาสำหรับเพื่อไว้ใส่สินค้าของใช้แทนกระเป๋า หรือถุง ส่วนแม่ค้าขายเนื้อหมู เนื้อวัวก็ยังคงใช้ใบตองตึงปูรองพื้นแทนผ้าใบหรือโต๊ะสแตนเลส

 - ตลาดริมทางสาย 5 -

แม่ค้าแผงไก่บ้าน ยังใช้ตราชั่งแบบโบราณอยู่

แผงนี้ขายทั้งไก่ และปลา

บางแผงขายพริก น้ำมัน ฯลฯ

แผงผักผลไม้สด

ตลาดริมทางสาย 5 ตลาดนี้เป็นตลาดเล็กๆตั้งอยู่ริมทางสาย 5 ที่เปิดขายทุกวัน มีทั้งของสดของแห้ง เนื้อไก่บ้าน การันตีว่าเหนียวถึงใจ ปลาตัวโต สนนราคาไม่แพงครับ

- การสัญจร เดินทาง -

รถม้ายังมีให้บริการขนคน ขนของ

รถสามล้อ หรือ ตุ๊กๆ

สำหรับการสัญจรหรือโดยสารในลอยก่อส่วนใหญ่ ก็เป็นรถสามล้อเครื่อง และแท็กซี่ที่พอมีอยู่บ้างสนนราคาแล้วแต่เส้นทางใกล้ไกล แต่มีคุณลุงอยู่ท่านหนึ่งที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้อยู่บ้างและราคายุติธรรม เลยเป็นสามล้อคู่ใจของพี่หน่อยไปโดยอัตโนมัติครับ โทรเรียกได้บริการรับ-ส่ง รอแจ้งสถานที่ได้ตลอดแจ่มเลยครับ

โอกาสทางธุรกิจ เท่าที่สำรวจด้วยตัวเอง หากอนาคตข้างหน้าการพัฒนาเป็นบ้านพี่เมืองน้อง หรือ Sister Town เกิดขึ้นจริงก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของทั้งสองเมือง แม่ฮ่องสอน และ ลอยก่อ ทั้งด้านธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว และการพัฒนา ซึ่งปัจจุบันด้านการค้า และการบริการยังมีช่องทางอีกมาก เช่น ธุรกิจก่อสร้าง แรงงานฝีมือ การตบแต่ง สิ่งอุปโภคบริโภค เรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ด้านธุรกิจการท่องเที่ยวที่ลอยก่อขณะนี้กำลังมี Demand เรื่องของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่ลอยก่อปัจจุบันมีนักธุรกิจหนุ่ม ที่เป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวชื่อ 9 Generation Force (Travel&Tour) ที่ค่อนข้างมีความสนใจในการพัฒนางานด้านการท่องเที่ยว และการเรื่องของการเชื่อมต่อเส้นทางไปแม่ฮ่องสอน ด้านธุรกิจที่พักก็ยังคงมีช่องทางอีกมากมายเนื่องจากปริมาณห้องพักที่ลอยก่อในปัจจุบัน อาจจะยังมีไม่มากนัก ด้านธุรกิจร้านอาหารก็น่าสนใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องรอดูผลการเลือกตั้งของเมียนมาร์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ว่าจะเป็นเช่นไร น่าสนใจโปรดติดตาม รวมถึงฝั่งแม่ฮ่องสอนเองก็กำลังจะมีพ่อเมืองท่านใหม่ ที่เข้ามาดูแล น่าสนใจอีกเช่นกันว่านโยบายการเชื่อมต่อระหว่างชายแดนจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ อาจมีข้อกำหนดหรือกฏหมายบางตัว ที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจเข้ามาลงทุนครับ...